ลูกอาการประสาทกำเริบฆ่าแม่วัยชรา คาเก้าอี้ดับ
ที่จังหวัดแพร่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกฆ่าเสียชีวิตภายในบ้านพักของตนเองเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 68 ปีชื่อว่านางบรรเยา โดยลูกชายของผู้เสียชีวิตให้การว่าในขณะเกิดเหตุนั้นตนเองไม่อยู่บ้านมีเพียงพี่ชายซึ่งมีอาการทางประสาทอยู่บ้านกับแม่ที่เสียชีวิตและมีพ่อซึ่งเป็นโรคอัลไซเมอร์และป่วยเป็นโรคอัมพาต
นอนป่วยติดเตียงอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านอย่างไรก็ตามในช่วงที่เกิดเหตุนั้นได้มีเพื่อนบ้านที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันนั้นได้เห็นเหตุการณ์ว่าพี่ชายที่ป่วยเป็นโรคอาการทางประสาทชื่อว่านายพูนทรัพย์ ได้เป็นคนลงมือทำร้ายแม่และเมื่อมีการสอบถามนายพูลทรัพย์เขาก็ยอมรับว่าได้มีการลงมือนำจอบและเสียมมาทุบตีแม่จนแม่สลบคาเก้าอี้
ซึ่งทางเพื่อนบ้านระบุว่าได้เห็นนายพูนทรัพย์นำอาวุธมาทำร้ายนางบรรเยาซึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้จนถึงแก่ความตายโดยสภาพศพนั้นมีร่องรอยการถูกแต่ที่ใบหน้าและหัวจนเลือดอาบเต็มส่วนอาวุธที่ทำลายนั้นก็ตกอยู่ข้างเก้าอี้ที่ผู้เสียชีวิตนอนอยู่ และหลังจากที่นายพูนทรัพย์นั้นได้มีการฆ่ามารดาของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินเข้าไปในบ้านและไปอาบน้ำหลังจากนั้น
ก็มานั่งเล่นภายในบ้านพร้อมทั้งเปิดเพลงฟังแบบสบายใจโดยไม่ได้รู้สึกผิดเลยว่าที่เขาฆ่าแม่ของเขาไปอย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวนพบว่านายพูลศักดิ์นั้นมีอาการทางประสาทมานานหลายปีแล้วเคยไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังไม่หายดีจนน้องชายของนายพูนทรัพย์บอกว่าช่วงประมาณเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นต้นมาอาการของนายพูนทรัพย์นั้นเป็นมากขึ้นเพราะมักจะเห็นนายพูนทรัพย์นั้นพูดคุยอยู่คนเดียวหรือแม้แต่บางครั้งเวลาเจอใครผ่านไปผ่านมาก็ยกมือไหว้
โดยที่ไม่มีสาเหตุซึ่งทางแม่ของนายพูนทรัพย์ที่เป็นคนเสียชีวิตและน้องชายกำลังปรึกษากันว่าอีก 2 วันจะพานายพูนทรัพย์นั้นไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลแต่ว่านายทุนทรัพย์ก็มาก่อเหตุฆ่าแม่ตายเสียก่อนซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พูดคุยกับนายพูนทรัพย์พูนทรัพย์ก็ให้การว่าเขาเห็นว่าแม่ของเขานั้นกำลังจะทำร้ายตนเองจึงได้ลงมือทำร้ายแม่ก่อนทำให้แม่สลบไปหลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในบ้านและไปอาบน้ำและไม่เปิดเพลงฟัง
สำหรับเรื่องคนมีอาการทางระบบประสาทแล้วคุ้มคลั่งทำร้ายคนในบ้านไม่ได้เกิดเคสนี้เป็นเคสแรกแต่มีเคสแบบนี้มาแล้วหลายครั้งหลายคราซึ่งก็มีข่าวออกมาให้เห็นอยู่เป็นประจำแต่คนส่วนใหญ่ก็มักจะละเลยไม่ยอมพาคนที่มีอาการทางประสาทไปรักษาตัวโดยมองว่าอีกเดี๋ยวจะพาไปซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงๆนั้นอาการกำเริบก็ทำให้คนที่มีอาการทางประสาทนั้นก่อเหตุฆาตกรรมคนอื่นรวมถึงคนในบ้านได้ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างมากเราไม่ควรให้ผู้ป่วยที่มีอาการของโรคประสาทที่ยังรักษาไม่หายนั้นอยู่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนในชุมชนเพราะเสียงมากที่จะทำอันตรายคนในชุมชนให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือว่าตายได้นั้นเอง
ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย entaplay